วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ต้มยำ


ต้มยำ
ต้มยำเป็นอาหารพื้นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะคนไทยกินกันทุกภาค เป็นอาหารที่ชาวต่างชาตินิยมสั่งกันอยู่ไม่น้อย หนึ่งในเมนูต้มยำที่ดังกระฉ่อนระดับโลก คือต้มยำกุ้ง ต้มยำเป็นอาหารที่ครบรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานเล็กน้อย ทำให้ไม่เลี่ยน ไม่ฝืดคอเวลากิน ต้มยำประกอบไปด้วย สมุนไพร หลากหลาย ซึ่งดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก มะนาว หรือ บางเมนู อาจจะมีใบกะเพรา ผักชีฝรั่งและโหระพาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมี เห็ด ต่างๆรวมทั้ง มะเขือเทศ ผักชี ต้มยำปรุงจากเนื้อสัตว์ ต่างๆได้มากมาย ทั้ง หมู ไก่ ปลา กุ้ง หรือเนื้อวัว ฯลฯ ต้มยำพอจะแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภทได้แก่

1.ต้มยำน้ำใส ต้มยำน้ำใสนั้นถือได้ว่าเป็นต้นตำรับของต้มยำ เพราะอาหารไทยในอดีตนั้นมักจะไม่ใส่นมหรือกะทิและมักจะปรุงกันอย่างง่ายๆ ไม่มีเครื่องปรุง อะไรมากมายนัก ถ้าเป็นทางภาคอีสานก็จะต้องเป็นต้มแซบที่ใส่พริกแห้ง และข้าวคั่วลงไปในหม้อต้มนั้นด้วย โดยต้มยำน้ำใสจะมีส่วนประกอบหลักๆ คือ เนื้อสัตว์ เช่น กบ ปลาช่อน ไก่บ้าน ฯลฯ และจะมีเครื่องเทศหลักๆ คือ ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ทั้งสดและแห้ง ข่า เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบที่ได้มานั้นเป็นทั้งเครื่องเทศที่ช่วยในการชูรส ชูกลิ่นของอาหาร อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย

2. ต้มยำน้ำข้น ต้มยำที่หลายคนเคยชินกันดี และยังเป็นต้มยำที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับอาหารไทยโด่งดังไปทั่วโลก หลายคนอาจจะคิดว่า ต้มยำกุ้งน้ำข้นคือต้มยำแบบไทยแท้ แต่แท้จริงแล้วจากประวัติต้มยำกุ้ง ที่เปลี่ยนมาใส่นมกินอย่างน้ำข้นนั้น เริ่มในสมัยรัชกาลที่ 6 ช่วงที่ท่านเสด็จประพาสไปเสวยเหลาแถวสามย่าน สมัยนั้นมีเสหลาของคนจีนเข้ามาใหม่ร้านหนึ่ง เหลาแห่งนั้นทำต้มยำกุ้งใส่นมเป็นน้ำข้น ใครรุ่นนั้นที่ไฮโซก็ต้องไปกินเหลาร้านนี้ก็จะติดภาพต้มยำกุ้งของไทยต้องใส่นม จริงๆ ไม่ใช่ต้มยำกุ้งดั้งเดิม จริงๆ จะเป็นแบบน้ำใส และคงเป็นเพราะนมหรือกะทิที่มีการใส่ลงไปในต้มยำ จนทำให้ต้มยำน้ำข้นนั้นคล้ายคลึงกับซุปของชาวต่างชาติที่นิยมใส่นม หรือใส่ครีมลงไป จึงทำให้ต้มยำกุ้งน้ำข้นของไทยเราโด่งดังไปทั่วโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น